นู สกิน เปิดตัวแผนปันผล “เวโลซิตี้”จับเทรนด์คนรุ่นมิลเลนเนียล

เพิ่มโอกาสคนไทยมีรายได้เสริมทันที ไม่ต้องรอ มั่นใจดึงคนรุ่นใหม่สู่ธุรกิจโต 35%

นู สกิน ประเทศไทย ขานรับกระแสเทรนด์โลกเปลี่ยน ปรับกลยุทธ์จูงใจผู้ที่ต้องการหาอาชีพเสริมและต้องการมีรายได้เพื่อเข้าสู่ธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวแผนจ่ายเงินปันผลภายใต้ชื่อ“เวโลซิตี้”(Velocity)ชูโปรแกรมการจ่ายคอมมิชชั่นที่เน้นความรวดเร็ว และยืดหยุ่นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์การทำงานแบบ Gig Economy เพิ่มโอกาสให้คนไทยสามารถสร้างรายได้ ได้ง่ายยิ่งขึ้นจากแผนปันผลระบบใหม่พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักธุรกิจกลุ่มมิลเลนเนียล(Gen M)เพิ่มขึ้นเป็น35% ทั้งนี้แผนจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเริ่มใช้เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

นางวิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่านู สกิน ประเทศไทย เดินหน้าชูแผนการดำเนินธุรกิจตามนโยบายบริษัทแม่ ขับเคลื่อนองค์กรด้วย3 Key Element (3P)โดยที่ผ่านมามีการเดินเครื่องปรับแผนรุกตลาดไปแล้วในส่วนของสินค้าจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และการนำกลุ่มสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคในชีวิตประจำวันมาทำการตลาดต่อเนื่อง ตลอดจนการขยายองค์กรผ่านทางแพลตฟอร์มการตลาดแบบออนไลน์ในการเพิ่มฐานลูกค้าและแนะนำสินค้าผ่านระบบดิจิทัลโดยในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นไปที่ส่วนของโปรแกรม (Program) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ 3Pที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ด้วยการออกแบบโปรแกรมการจ่ายผลตอบแทนระบบใหม่ ภายใต้ชื่อ “เวโลซิตี้”(Velocity)ที่ให้ความรวดเร็วและยืดหยุ่นกว่าแผนการจ่ายเงินปันผลแบบเดิมเพื่อจูงใจกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ธุรกิจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญในการปรับแผนปันผลใหม่ มาจากโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิตัลมากขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของผู้บริโภคในวันนี้มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนเดิมสื่อโซเชียลเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันและมีการเติบโตทางด้านผู้ใช้จำนวนมากขึ้น จากข้อมูลทางสถิติที่เผยแพร่โดยเว็บไซต์ Brandbuffetพบว่ามีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากกว่า 4 พันล้านคนทั่วโลก ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก ราว 57 ล้านคน ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องจับตามองคือคนกลุ่มมินเลนเนียล (Gen M)ที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี กำลังจะกลายเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในการขับเคลื่อนโลกอนาคตเนื่องจากคนกลุ่มนี้คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ ได้ดีรวมถึงมีรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป เรียกว่า“กิ๊กอิโคโนมี” (Gig Economy) คือ การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีรายได้หลายทาง หลายรูปแบบ ทั้ง ฟรีแลนซ์ พาร์ทไทม์ และฟูลไทม์ ซึ่งพบว่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีกลุ่มคนที่เป็น “กิ๊กอิโคโนมี” มากถึง 34% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ จากปัจจัยดังกล่าว จึงเป็นที่มาที่ทำให้ นู สกินเดินหน้าปรับแผนเพื่อรองรับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าจะสามารถดึงกลุ่มคนเหล่านี้ให้หันมาสนใจธุรกิจด้วยแผนปันผลระบบใหม่ได้

จุดเด่นของแผน “เวโลซิตี้” ประกอบด้วย เป็นแผนจ่ายเงินปันผลที่มีความยืดหยุ่น (Flexible) -สามารถดีไซน์แผนเองได้เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง มีความรวดเร็ว (Fast) -ให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วและมากขึ้น และเติมเต็มชีวิต (Full Fill) -มีอิสรภาพทางการเงินที่ให้รายได้มั่นคงและต่อเนื่อง นอกจากนี้ “เวโลซิตี้” มีหลักการทำงานผ่านโครงสร้างแผนการจ่ายเงินปันผลแบ่งออกเป็น3 แนวทางด้วยกัน ได้แก่1. แชร์ (Share) เพียงแค่สมัครสมาชิกและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ประทับใจก็สามารถสร้างรายได้ได้ทันที 2. สร้าง (Build) การสร้างกลุ่มของคนที่มีความสามารถในการออกไปแนะนำผลิตภัณฑ์ให้กับผู้อื่นและทำงานร่วมกันจนบรรลุเป้าหมายทำให้เกิดรายได้ต่อเนื่อง 3.นำทีม (Lead) การเข้าสู่องค์กรหรือการทำธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ มีการทำงานเป็นทีม เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในการทำธุรกิจและมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 

“สำหรับแผนปันผล“เวโลซิตี้” เป็นแผนจ่ายเงินปันผลระบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับ กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ รวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการทำงานแบบพาร์ทไทม์หรือหารายได้เสริม ซึ่งเหมาะกับเศรษฐกิจในบ้านเราที่ผู้คนต้องแบกรับภาระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะที่ธุรกิจ นู สกิน สามารถเป็นอีกหนึ่งโอกาสและเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับทุกคนโดยไม่ต้องรอ เพียงแค่สมัครเป็นสมาชิกก็สามารถมีรายได้ทันที อีกทั้งยังสามารถดีไซน์การทำงานในแบบของตัวเองได้ เน้นการทำงานแบบทำมากได้มากทำน้อยได้น้อย เรียกว่าได้รับค่าตอบแทนตามจำนวนงานที่ทำ ซึ่งแผนปันผลดังกล่าวตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี” นางวิภาดา กล่าว

นางวิภาดา กล่าวเสริมว่า แผนจ่ายเงินปันผลแบบใหม่ จะส่งเสริมให้ นู สกิน ไม่เป็นเพียงบริษัทขายตรงแนวหน้าของโลกแต่ยังสามารถผันตัวเองเป็นแพลตฟอร์มโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ที่จะสามารถเป็นธุรกิจที่เป็นไปได้และสร้างรายได้ให้กับคนทุกกลุ่มไม่ว่าความต้องการจะเป็นสร้างองค์กรในระยะยาวเพื่ออิสรภาพสำหรับอนาคต หรือสำหรับคนที่ต้องการจะเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเองที่ต้องการเริ่มต้นที่ไม่ต้องลงทุนหากแต่มีสินค้าคุณภาพรองรับ พร้อมระบบอำนวยความสะดวกที่ครบวงจรเพื่อการจำหน่ายสินค้าและสร้างรายได้แบบไม่ต้องดำรงตำแหน่ง ทั้งหมดของการดีไซน์โปรแกรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเอื้อประโยชน์ระบบการทำงานของคนยุคใหม่ในแบบผสมผสาน ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับนักธุรกิจ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการช่วยกระตุ้นการทำงานของนักธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย

“ปัจจุบัน นู สกิน มีสัดส่วนของนักธุรกิจที่เป็นคนกลุ่มมิลเลนเนียล (Gen M) อยู่ที่ 25% โดยคาดว่าจากการเปิดตัวแผน “เวโลซิตี้” จะสามารถเพิ่มจำนวนนักธุรกิจในกลุ่มดังกล่าวเข้าสู่ธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 35% และมีการขยายฐานผู้บริโภคเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% ทั้งนี้ การปรับแผนจ่ายเงินปันผล “เวโลซิตี้” ในระบบใหม่นี้ถือว่าสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นู สกิน ไม่ได้แค่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีการพัฒนานวัตกรรมโปรแกรมแผนการปันผลให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลกอีกด้วยโดยสำหรับประเทศไทย เริ่มใช้แผนการจ่ายเงินปันผลระบบใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม2561เป็นต้นไป” นางวิภาดา กล่าวสรุป

Visitors: 1,263,560