ไปรษณีย์ไทย ก้าวสู่ 15 ปี มุ่งสู่ “ไปรษณีย์ 4.0”

ตั้งเป้าเสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานราก
กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน-เศรษฐกิจภูมิภาค-อีคอมเมิร์ซ

• พร้อมเปิดตัว “พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง” นวัตกรรมตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะยุค 4.0 ส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น นำร่องติดตั้ง ณ จังหวัดพิษณุโลก ก่อนกระจายสู่พื้นที่อื่นทั่วประเทศภายในปีนี้

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ก้าวสู่ 15 ปี เดินหน้ายกระดับสู่ “ไปรษณีย์ 4.0” และเน้นส่งเสริมธุรกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเศรษฐกิจท้องถิ่น และเศรษฐกิจชาติ โดยใช้ที่ทำการไปรษณีย์ในแต่ละท้องที่เป็นศูนย์กลาง พร้อมเปิดตัว “พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง” นวัตกรรมตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะยุค 4.0 เปลี่ยนตู้ไปรษณีย์ธรรมดาให้สามารถให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร เครื่องดื่ม แหล่งของฝากและผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยเริ่มนำร่องติดตั้ง ณ จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 15 ตู้ ก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก ด้วยตัวเลขรายได้กว่า หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาท กำไรสุทธิกว่า หนึ่งพันเก้าร้อยล้านบาท เติบโตขึ้นจากเดิมสิบแปดเปอร์เซ็นต์

พลเอกสาธิต พิธรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสก้าวสู่ 15 ปี บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ 134 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย ด้วยการปรับตัวและยกระดับสู่ “ไปรษณีย์ 4.0” มาตรฐาน ทันสมัย พึงพอใจลูกค้า ให้เสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2562 เน้นการทำงานที่มีมาตรฐานด้วยการควบคุมดูแลอย่างทั่วถึง เพื่อส่งต่อบริการและภาพลักษณ์ที่ดีสู่ภายนอก สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายของไปรษณีย์ ที่มีที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ น้อมนำแนวพระราชดำริ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ประยุกต์ใช้เพื่อผลักดันสังคม และชุมชน กระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น และยกระดับอีคอมเมิร์ซระดับชุมชนให้มีประสิทธิภาพ ได้รับมาตรฐาน มีตลาดรองรับที่กว้างขวาง โดยเริ่มนำร่องด้วยการปรับปรุงตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชนด้วยคิวอาร์โค้ด ภายใต้ชื่อ “พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง” นวัตกรรมตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะยุค 4.0 ที่เปลี่ยนตู้ไปรษณีย์ธรรมดาให้สามารถให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อเป็นการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยว และผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นให้มีความไหลเวียนมากขึ้น ณ ปัจจุบันจะทำการนำร่องติดตั้งตู้ดังกล่าวในจังหวัดพิษณุโลก จำนวนรวมทั้งสิ้น 15 ตู้ กระจายไปทุกอำเภอในจังหวัด พร้อมมีแผนเตรียมขยายไปพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ภายในปีนี้

พลเอกสาธิต กล่าวเพิ่มเติมว่า พร้อมกันนี้ ไปรษณีย์ไทย ในฐานะผู้ให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ที่เติบโต และอยู่เคียงข้างกับประเทศไทยมาโดยตลอด พร้อมรองรับนโยบาย และโครงการต่างๆ ของทางรัฐบาล อาทิ แผนงานอีคอมเมิร์ซ 4.0 ร่วมกับส่วนงานราชการ และหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ พัฒนาผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซและสร้าง “ดิจิทัลชุมชน” ให้บริการมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) ผ่านเว็ปไซต์และแอพพลิเคชั่น แผนการรองรับการขยายตัวของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) วางแผนการจัดตั้งศูนย์โลจิสติกส์ฮับที่ครอบคลุมเข้มแข็ง เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน อำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวเสริมว่า ด้านผล การดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม – มิถุนายน 2560 ไปรษณีย์ไทยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 13,473 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,979 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ โดยรายได้จากการเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมาจากเกิดเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คิดเป็น 42 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 6 พันล้านบาท ทั้งนี้เป้าหมายรายได้ของปี 2560 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท และประมาณการผลกำไรสุทธิประมาณ 3,300 ล้านบาท

นางสมร กล่าวต่อว่า ไปรษณีย์ไทย ยึดหลักในการดำเนินการที่จะต้องเติบโตควบคู่กับชุมชน สังคม และประเทศชาติ จึงได้ใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศในการผลักดันเศรษฐกิจระดับฐานราก พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น ผ่านการพัฒนา 3 ส่วนหลักตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการชุมชน ได้แก่ 1) e-Marketplace & Platform ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท (www.thailandpostmart.com) เพื่อเป็นมาร์เก็ตเพลสระดับประเทศ พื้นที่ฝากขายสินค้าที่รวบรวมสินค้าชุมชนจากผู้ประกอบการทุกพื้นที่ในประเทศไทย 2) e-Logistics คิดค้นและพัฒนาช่องทางส่งของให้กลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ อาทิ กล่องฟอร์คอมเมิร์ซ กล่องลดต้นทุน หนุนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ บริการนำจ่ายให้ผู้รับปลายทาง C2C Fulfillment Solution เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองให้ได้รับสิ่งของที่รวดเร็วขึ้น และ บริการกำหนดจุดรับสินค้า (Drop Off) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกสถานที่รับสินค้าที่สะดวกได้ 3) e-Payment พัฒนาระบบการชำระค่าสินค้าและบริการ ได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สู่การเป็นดิจิทัลวอลเล็ท (Digital Wallet) รองรับสังคมไร้เงินสด นางสมร กล่าวต่อ

นางสมร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกัน ไปรษณีย์ไทย มุ่งหน้ายกระดับสู่ “ไปรษณีย์ 4.0” ด้วยการขับประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้กับระบบงานในทุกกระบวนการ ได้แก่ กระบวนการรับฝาก คัดแยก ส่งต่อ และนำจ่าย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานที่เข้มข้นมากขึ้น โดยจะทำการจัดตั้งเครือข่ายรถยนต์สำหรับรับฝากสิ่งของ ณ ที่อยู่ลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ นำร่องที่ที่การไปรษณีย์ในเขตกรุงเทพฯ 10 แห่ง ได้แก่ สามเสนใน หลักสี่ ปากเกร็ด จระเข้บัว รังสิต คลองจั่น ภาษีเจริญ ยานนาวา พระโขนง และพระประแดง เพิ่มจำนวนตู้บริการ iBox เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบริเวณห้องรอจ่าย จัดตั้งจุดรับสิ่งของที่อยู่ใกล้บ้าน (Drop Station) โดยตั้งเป้าในการจัดตั้งทั้งหมด 80 จุดเพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้บริการทั่วประเทศ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการให้รองรับกับความต้องการของคนไทย รวมไปถึงระบบเครือข่ายการขนส่งและมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ ควบคู่ไปกับการมุ่งมั่นพัฒนาขับเคลื่อนความสำเร็จของชุมชนโดยใช้พื้นที่ที่ทำการไปรษณีย์เป็นศูนย์กลางเพื่อให้เมืองไทยเป็น“แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง”ตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่นำไปสู่ความสุขที่แท้จริง นางสมร กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือ เว็บไซต์ www.thailandpost.co.th

Visitors: 1,261,554